บทบาทของประชาชน
บทบาททางการเมืองของนิสิตนักศึกษา
ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2515 และต้นปี พ.ศ. 2516 มีการประท้วงของนิสิต นักศึกษาทั่วราชอาณาจักร เช่น การรณรงค์ต่อต้านการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยของศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย การประท้วงของนิสิตวิทยาลัยวิชาการศึกษากรณี รัฐบาลไม่ยอมยกฐานะวิทยาลัยขึ้นเป็นมหาวิทยาลัย เป็นต้น ผลของการประท้วง เหล่านี้สร้างความรู้สึกร่วมกันในบรรดานิสิต นักศึกษา
บทบาทของนิสิตนักศึกษาก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516
ก่อนที่จอมพลถนอม กิตติขจร จะยึดอำนาจตัวเอง นิสิต นักศึกษาและประชาชนทั่วไปต่างก็ไม่ค่อยจะพอใจรัฐบาล แต่ความรุนแรงก็ผ่อนคลายลงไปได้บ้าง เพราะขณะนั้นยังมีสภาพผู้แทนราษฎรที่เป็นปากเสียงของประชาชนอยู ่ นอกจากนี้บรรดาสื่อมวลชนทั้งหลายก็ยังสามารถวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลได้ตามสมควร และประชาชนยังหวังว่ารัฐบาลของจอมพลถนอม กิตติขจร อาจต้องหมดอำนาจไปตามวิถีทางของรัฐธรรมนูญได้ ถึงแม้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับพุทธศักราช 2511 จะมิใช่รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงก็ตาม เมื่อรัฐบาลรัฐประหารยึดอำนาจของตนเองยกเลิกรัฐธรรมนูญ หันไปใช้อำนาจเผด็จการโดยประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2515 จึงทำให้เกิดกระแสต่อต้านรัฐบาลมากขึ้นแต่ยังไม่มีผู้ใดแสดงตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลอย่างเปิดเผย เพราะเกรงอำนาจของคณะรัฐประหารต่อมาเมื่อมีผู้ใช้อำนาจของคณะรัฐประหารไปในทางที่ไม่ชอบ และก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อประชาชนทั่วไป นิสิต นักศึกษา จึงเริ่มมีบทบาทในการรวมตัวกันเพื่อต่อต้านอำนาจที่ไม่ชอบธรรม
บทบาทสำคัญทางการเมืองของพลังนิสิตนักศึกษา เกิดขึ้นเมื่อนิสิตนักศึกษาประสบความสำเร็จในการประท้วงประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 299 ซึ่งให้อำนาจแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมซึ่งเป็นฝ่ายบริหารให้อยู่เหนือฝ่ายตุลาการ คือ ศาล การที่คณะปฏิวัติมิได้ดำเนินการอย่างเฉียบขาดในขณะนั้น อาจเป็นเพราะว่าคณะปฏิวัติกำลังตั้งรัฐบาลใหม่ ประกอบกับมีพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมงกุฎราชกุมาร อีกทั้งยังมีทนายความ นักกฎหมายและอาจารย์สอนกฎหมายอีกหลายคนที่สนับสนุนการประท้วงของนักศึกษา จึงนับเป็นชัยชนะของนิสิตนักศึกษา และมีผลอย่างยิ่งต่อความรู้สึกของขบวนการนักศึกษาส่วนรวม
นิสิตนักศึกษามีบทบาทสำคัญอีกในกรณีทุ่งใหญ่นเรศวรอันเกิดจากคณะรัฐมนตรีและตำรวจกลุ่มหนึ่งนำเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพไปล่าสัตว์ป่าที่ทุ่งใหญ่นเรศวรนับเป็นพฤติกรรมที่ไม่เคารพกฎหมาย เมื่อประชาชนทราบพฤติกรรมดังกล่าวก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งเป็นผลเสียต่อรัฐบาล นอกจากนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการคัดค้านต่ออายุราชการของจอมพลถนอม กิตติขจร และพลเอกประภาส จารุเสถียร และหลังจากนั้นไม่นานก็คัดค้านการเลื่อนยศของพลเอกประภาส ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก อธิบดีกรมตำรวจ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพร้อมๆกันขึ้นเป็นจอมพล
หลังจากนั้นก็เกิดกรณีนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงคัดค้านของอธิการบดีจากการที่อธิการบดีไล่กลุ่มนักศึกษาที่กล่าวโจมตีรัฐบาลกรณีเรื่องทุ่งใหญ่นเรศวรออกจากการเป็นนักศึกษาขณะเดียวกันที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็มีการประท้วงกรณีนักเรียนนายเรืออากาศได้เข้ามาศึกษาในมหาวิทยาลัยโดยไม่ต้องผ่านการสอบคัดเลือก การประท้วงของนิสิตนักศึกษากว่า 3 หมื่นคน เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2516 นับได้ว่าเป็นการประท้วงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนักศึกษาในประวัติศาสตร์ไทย โดยนักศึกษาได้เรียกร้องให้อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงลาออก ให้รับนักศึกษารามคำแหงที่ถูกไล่ออกเข้ามาเรียนใหม่ และให้นักเรียนนายเรืออากาศออกไปจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ต่อมาได้มีการเพิ่มขึ้นเรียกร้องให้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญภายใน 6 เดือนจะเห็นได้ว่าในระยะหลังนี้นิสิตนักศึกษาได้รับการสนับสนุนจากประชาชนมากขึ้น แต่อย่างไรก็ดี สาระสำคัญของการประท้วงก็ยังคงเป็นเรื่องทางการศึกษาและการเล่า เรียน ประชาชนโดยทั่วไปยังไม่ค่อยสนใจมากนัก รัฐบาลขณะนั้นแสดงท่าทีเสมือนว่าจะยินยอมตามคำเรียกร้องของนิสิ ต นักศึกษา แต่ในที่สุดก็กลับคำไม่ยินยอมในภายหลัง ทำให้นิสิตนักศึกษาไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งการกระทำเช่นนี้เป็นผลเสียหายอย่างร้ายแรงต่อรัฐบาลในอีกไม่กี่เดือนต่อมาขณะที่พลังของฝ่ายนิสิตนักศึกษากำลังก่อเป็นรูปร่างขึ้นไปเรื่อย ๆ และประชาชนกำลังเบื่อหน่ายรัฐบาลของจอมพลถนอม กิตติขจร อยู่นั้น ก็เกิดกรณีจับกุมนิสิตนักศึกษา อาจารย์มหาวิทยาลัยและนักกฎหมายที่ออกแจกเอกสารและใบปลิวเรียกร้องรัฐธรรมนูญ จำนวน 13 คน ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2516
ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2515 และต้นปี พ.ศ. 2516 มีการประท้วงของนิสิต นักศึกษาทั่วราชอาณาจักร เช่น การรณรงค์ต่อต้านการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยของศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย การประท้วงของนิสิตวิทยาลัยวิชาการศึกษากรณี รัฐบาลไม่ยอมยกฐานะวิทยาลัยขึ้นเป็นมหาวิทยาลัย เป็นต้น ผลของการประท้วง เหล่านี้สร้างความรู้สึกร่วมกันในบรรดานิสิต นักศึกษา
บทบาทของนิสิตนักศึกษาก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516
ก่อนที่จอมพลถนอม กิตติขจร จะยึดอำนาจตัวเอง นิสิต นักศึกษาและประชาชนทั่วไปต่างก็ไม่ค่อยจะพอใจรัฐบาล แต่ความรุนแรงก็ผ่อนคลายลงไปได้บ้าง เพราะขณะนั้นยังมีสภาพผู้แทนราษฎรที่เป็นปากเสียงของประชาชนอยู ่ นอกจากนี้บรรดาสื่อมวลชนทั้งหลายก็ยังสามารถวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลได้ตามสมควร และประชาชนยังหวังว่ารัฐบาลของจอมพลถนอม กิตติขจร อาจต้องหมดอำนาจไปตามวิถีทางของรัฐธรรมนูญได้ ถึงแม้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับพุทธศักราช 2511 จะมิใช่รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงก็ตาม เมื่อรัฐบาลรัฐประหารยึดอำนาจของตนเองยกเลิกรัฐธรรมนูญ หันไปใช้อำนาจเผด็จการโดยประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2515 จึงทำให้เกิดกระแสต่อต้านรัฐบาลมากขึ้นแต่ยังไม่มีผู้ใดแสดงตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลอย่างเปิดเผย เพราะเกรงอำนาจของคณะรัฐประหารต่อมาเมื่อมีผู้ใช้อำนาจของคณะรัฐประหารไปในทางที่ไม่ชอบ และก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อประชาชนทั่วไป นิสิต นักศึกษา จึงเริ่มมีบทบาทในการรวมตัวกันเพื่อต่อต้านอำนาจที่ไม่ชอบธรรม
บทบาทสำคัญทางการเมืองของพลังนิสิตนักศึกษา เกิดขึ้นเมื่อนิสิตนักศึกษาประสบความสำเร็จในการประท้วงประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 299 ซึ่งให้อำนาจแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมซึ่งเป็นฝ่ายบริหารให้อยู่เหนือฝ่ายตุลาการ คือ ศาล การที่คณะปฏิวัติมิได้ดำเนินการอย่างเฉียบขาดในขณะนั้น อาจเป็นเพราะว่าคณะปฏิวัติกำลังตั้งรัฐบาลใหม่ ประกอบกับมีพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมงกุฎราชกุมาร อีกทั้งยังมีทนายความ นักกฎหมายและอาจารย์สอนกฎหมายอีกหลายคนที่สนับสนุนการประท้วงของนักศึกษา จึงนับเป็นชัยชนะของนิสิตนักศึกษา และมีผลอย่างยิ่งต่อความรู้สึกของขบวนการนักศึกษาส่วนรวม
นิสิตนักศึกษามีบทบาทสำคัญอีกในกรณีทุ่งใหญ่นเรศวรอันเกิดจากคณะรัฐมนตรีและตำรวจกลุ่มหนึ่งนำเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพไปล่าสัตว์ป่าที่ทุ่งใหญ่นเรศวรนับเป็นพฤติกรรมที่ไม่เคารพกฎหมาย เมื่อประชาชนทราบพฤติกรรมดังกล่าวก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งเป็นผลเสียต่อรัฐบาล นอกจากนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการคัดค้านต่ออายุราชการของจอมพลถนอม กิตติขจร และพลเอกประภาส จารุเสถียร และหลังจากนั้นไม่นานก็คัดค้านการเลื่อนยศของพลเอกประภาส ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก อธิบดีกรมตำรวจ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพร้อมๆกันขึ้นเป็นจอมพล
หลังจากนั้นก็เกิดกรณีนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงคัดค้านของอธิการบดีจากการที่อธิการบดีไล่กลุ่มนักศึกษาที่กล่าวโจมตีรัฐบาลกรณีเรื่องทุ่งใหญ่นเรศวรออกจากการเป็นนักศึกษาขณะเดียวกันที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็มีการประท้วงกรณีนักเรียนนายเรืออากาศได้เข้ามาศึกษาในมหาวิทยาลัยโดยไม่ต้องผ่านการสอบคัดเลือก การประท้วงของนิสิตนักศึกษากว่า 3 หมื่นคน เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2516 นับได้ว่าเป็นการประท้วงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนักศึกษาในประวัติศาสตร์ไทย โดยนักศึกษาได้เรียกร้องให้อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงลาออก ให้รับนักศึกษารามคำแหงที่ถูกไล่ออกเข้ามาเรียนใหม่ และให้นักเรียนนายเรืออากาศออกไปจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ต่อมาได้มีการเพิ่มขึ้นเรียกร้องให้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญภายใน 6 เดือนจะเห็นได้ว่าในระยะหลังนี้นิสิตนักศึกษาได้รับการสนับสนุนจากประชาชนมากขึ้น แต่อย่างไรก็ดี สาระสำคัญของการประท้วงก็ยังคงเป็นเรื่องทางการศึกษาและการเล่า เรียน ประชาชนโดยทั่วไปยังไม่ค่อยสนใจมากนัก รัฐบาลขณะนั้นแสดงท่าทีเสมือนว่าจะยินยอมตามคำเรียกร้องของนิสิ ต นักศึกษา แต่ในที่สุดก็กลับคำไม่ยินยอมในภายหลัง ทำให้นิสิตนักศึกษาไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งการกระทำเช่นนี้เป็นผลเสียหายอย่างร้ายแรงต่อรัฐบาลในอีกไม่กี่เดือนต่อมาขณะที่พลังของฝ่ายนิสิตนักศึกษากำลังก่อเป็นรูปร่างขึ้นไปเรื่อย ๆ และประชาชนกำลังเบื่อหน่ายรัฐบาลของจอมพลถนอม กิตติขจร อยู่นั้น ก็เกิดกรณีจับกุมนิสิตนักศึกษา อาจารย์มหาวิทยาลัยและนักกฎหมายที่ออกแจกเอกสารและใบปลิวเรียกร้องรัฐธรรมนูญ จำนวน 13 คน ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2516